
กระเบื้องดินเผาเซรามิก วัตถุดิบหลักทำมาจาก ดิน หิน แร่ หลังจากผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วนกัน ก็นำกระเบื้องเซรามิกไปตากแดดให้แห้ง แล้วนำไปเผาตามอุณหภูมิที่ต้องการ แต่ยิ่งเผาด้วยอุณหภูมิที่สูงขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้กระเบื้องเซรามิกมีความแข็งแรงมากขึ้นเท่านั้น
กระเบื้องเซรามิก มีทั้งแบบเคลือบและไม่เคลือบ แต่ส่วนใหญ่จะนิยมใช้กระเบื้องเซรามิกแบบเคลือบมากกว่า เพราะว่าเมื่อเวลาที่เราเคลือบแล้ว กระเบื้องเซรามิกจะไม่ค่อยดูดซึมซับน้ำ กระเบื้องเซรามิกส่วนใหญ่มักจะไม่ตัดขอบ
กระเบื้องดินเผาเคลือบเซรามิก
![]() กระเบื้อง เคลือบเซรามิก สีเขียว โปรดติดต่อ สอบถามราคา | ![]() กระเบื้อง เคลือบเซรามิก สีเทา โปรดติดต่อ สอบถามราคา |
![]() กระเบื้อง เคลือบเซรามิก สีเหลือง โปรดติดต่อ สอบถามราคา | ![]() กระเบื้อง เคลือบเซรามิก สีแดง โปรดติดต่อ สอบถามราคา |
![]() กระเบื้อง เคลือบเซรามิก สีขาว โปรดติดต่อ สอบถามราคา | ![]() กระเบื้อง เคลือบเซรามิก สีน้ำเงิน โปรดติดต่อ สอบถามราคา |
![]() กระเบื้อง เคลือบเซรามิก สีส้ม โปรดติดต่อ สอบถามราคา | ![]() กระเบื้อง เคลือบเซรามิก สีเลือดหมู โปรดติดต่อ สอบถามราคา |
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
หมวดหมู่ทั้งหมด
กระเบื้องดินเผาเซรามิก เป็นอย่างไร
กระเบื้องเซรามิกวัตถุดิบหลักทำมาจาก ดิน หิน แร่ หลังจากผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วนกัน ก็นำกระเบื้องเซรามิกไปตากแดดให้แห้ง แล้วนำไปเผาตามอุณหภูมิที่ต้องการ แต่ยิ่งเผาด้วยอุณหภูมิที่สูงขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้กระเบื้องเซรามิกมีความแข็งแรงมากขึ้นเท่านั้น
กระเบื้องเซรามิก มีทั้งแบบเคลือบและไม่เคลือบ แต่ส่วนใหญ่จะนิยมใช้กระเบื้องเซรามิกแบบเคลือบมากกว่า เพราะว่าเมื่อเวลาที่เราเคลือบแล้ว กระเบื้องเซรามิกจะไม่ค่อยดูดซึมซับน้ำ กระเบื้องเซรามิกส่วนใหญ่มักจะไม่ตัดขอบ
กระเบื้องเซรามิกแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ กระเบื้องกรุผนัง กับ กระเบื้องปูพื้น ข้อแตกต่างก็มีพอสมควร
กระเบื้องเซรามิกกรุผนัง ตัวเนื้อของกระเบื้องจะเป็นตัว Earthen Ware เป็นกระเบื้องที่มีเนื้อละเอียด แต่ไม่สามารถป้องกันการดูดซึมของน้ำได้ดีเท่าที่ควร และมีความแข็งแรงต่ำเนื่องจากยังเผาไม่ถึงจุดสุกตัว จึงทำให้แตกหักง่ายไม่เหมาะแก่การนำไปปูพื้น
กระเบื้องเซรามิกปูพื้น ตัวเนื้อของกระเบื้องจะเป็นตัว Stone Ware ตัวกระเบื้องทำขึ้นจากเนื้อดินขาว ผสมกับหินและทราย ส่วนผสมมาผสมกัน ตากแดดให้แห้งและนำไปเผาที่อุณหภูมิสูงกว่าตัว Earthen Ware ก็จะได้เป็นกระเบื้องเซรามิกปูพื้น ผลิตภัณฑ์จะเป็นสีขาวซะส่วนใหญ่ กระเบื้องเซรามิกปูพื้นจะมีความทึบแสง การดูดซึมน้ำปานกลาง แต่กระเบื้องเซรามิกตัวนี้จะมีราคาสูง เนื่องจากการเผาที่อุณหภูมิสูงขึ้น จึงส่งผลให้ราคาสูงตาม
โดยทั่วไปแล้วกระเบื้องเซรามิกสามารถใช้ได้กับทั้งงานปูพื้น และงานปูผนัง แต่หากเป็นกระเบื้องเซรามิกที่ใช้สำหรับปูผนังนั้น จะไม่ควรนำมาปูพื้น เพราะกระเบื้องเซรามิกสำหรับผนังจะถูกเผาด้วยอุณหภูมิที่ต่ำกว่า ทำให้มีความแข็งแกร่งน้อยกว่า ทั้งยังมีความพรุนในตัว ทำให้ดูดซึมน้ำได้มากกว่าก จึงไม่เหมาะกับการทำมาเป็นกระเบื้องปูพื้น และหากถามถึงความเหมาะสมที่เป็นที่นิยมโดยทั่วไปของกระเบื้องเซรามิกแล้วนั้น โดยส่วนใหญ่จะเหมาะสำหรับงานในอาคาร ที่ไม่ต้องโดดแดด โดนฝนมาก ไม่เหมาะกับพื้นที่ที่ต้องมีการสัญจรมาก และไม่เหมาะกับบ่อ หรือสระน้ำ เนื่องจากต้องมีการแช่น้ำ มีน้ำขัง ซึ่งจะทำให้เสียหายเร็ว
กระเบื้องเซรามิกถือเป็นหนึ่งในกระเบื้องที่มีความสวยงาม มีสีสันและลวดลายให้เลือกมากมาย จึงเหมาะสำหรับการตกแต่งต่อเติมบ้านและอาคารให้สวยงามตามต้องการ แต่ทั้งนี้ ในการจะเลือกใช้กระเบื้องเซรามิกนั้น ก็ต้องคำนึงถึงพื้นที่หน้างานด้วยว่ามีความเหมาะสมกับคุณสมบัติของกระเบื้องเซรามิกมากน้อยแค่ไหน เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว แม้จะมีความสวยงาม และก็จะไม่สามารถใช้งานได้นาน
นอกจากนี้ กระเบื้องดินเผาเซรามิก ยังมีทั้งรูปแบบ สี และลวดลายให้เลือกอีกมากมาย และยังมีน้ำหนักเบา ราคาจับต้องได้ เพราะมีหลากหลายราคาตามวัสดุ ทุกอย่างล้วนแล้วขึ้นอยู่กับเนื้อดินและ ลวดลายของกระเบื้อง แต่ถ้าหากเป็นกระเบื้องที่ทำมาจากดินขาว ก็จะมีราคาสูงกว่าดินทั่วไป เนื่องจากกระเบื้องเซรามิกมีความแข็งแรงปานกลาง จึงนิยมนำมาปูภายในบ้าน ในอาคาร หรือสำนักงาน ที่ไม่ต้องมีคนสัญจรมากนัก เมื่อรู้ข้อมูลต่างๆแล้ว ก็อย่าลืมเลือกใช้กระเบื้องให้เหมาะสมกับแต่ละงาน และนอกจากอุปกรณ์หลักแล้วยังมีอุปกรณ์เสริม ที่ช่วยให้งานกระเบื้องเสร็จเร็วยิ่งขึ้น
กระเบื้องคือวัสดุตกแต่งบ้านชนิดหนึ่งที่แทบทุกบ้านต้องมี และยังเป็นวัสดุที่ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดชนิดหนึ่งในประวัติศาสตร์การก่อสร้าง ศาสตร์ในการผลิตกระเบื้องคือความพยายามใช้ ดิน น้ำ ลม และ ไฟ มาสร้างวัสดุชนิดใหม่ที่มีคุณสมบัติเลียนแบบหิน กระเบื้องจึงเป็นสิ่งคงทนที่ผลิตมาจากสิ่งที่ไม่น่าจะคงทน
ชาวจีนในสมัยราชวงศ์ซ่ง เชื่อว่ากระเบื้องที่สวยงามที่สุดจะต้องมีคุณสมบัติคล้ายหยก พูดง่าย ๆ ก็คือ Idol ของเครื่องกระเบื้องทั้งหลายของจีนยุคนั้น คือหยก ส่วนในยุคใกล้นี้คงพูดได้ว่า Idol ทางคุณสมบัติของกระเบื้องปูพื้นปูผนังสำหรับการตกแต่งบ้านยุคหลังๆ ก็คือหิน
และเนื่องจากกระเบื้องเกิดจากกรรมวิธีการผลิตที่สร้างสรรค์โดยมนุษย์ รูปแบบจึงเริ่มแตกแขนงออกไปมากกว่าหินที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ในระยะหลังรูปแบบกระเบื้องมีทั้งการใส่สีเพิ่มลวดลาย หรือเพิ่มผิวสัมผัส ความมันวาวที่แตกต่างกัน และยังไปไกลถึงการทำผิวเลียนแบบลายไม้ ลายโลหะก็มี แต่อย่างไรก็ตามคุณสมบัติของเนื้อกระเบื้องก็ยังมุ่งสู่การเลียนแบบหินเช่นเดิม
กระเบื้องดินเผา เซรามิก กับ แกรนิตโต้ ต่างกันอย่างไร
กระเบื้องดินเผา เป็นกระเบื้องที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงดินมากกว่าหิน เพราะมีอัตราการซึมน้ำสูง มีรูพรุนมาก ทำให้มีการยืดหดตัวสูงเมื่อโดนความชื้นและความร้อน แตกหักง่าย ผุกร่อนโดยกัดเซาะได้ง่าย ผิวค่อนข้างด้าน ตัวเนื้อดินเผามีสีสันให้เลือกไม่มากนัก และหากไม่ได้ผลิตด้วยมาตรฐานระดับสูงมักมีสีสันของแต่ละแผ่นไม่สม่ำเสมอ ยกเว้นแต่จะทำการเคลือบสีเพิ่มเข้าไป ข้อดีของกระเบื้องชนิดนี้คือไม่ลื่น(ถ้าไม่ได้มีตะไคร่น้ำเกาะ) ระบายความชื้นและความร้อนได้ดี จึงอมความร้อนไว้ไม่นาน ราคาประหยัด สีสันหรือขนาดที่ไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด ก็ทำให้ได้ความงามที่เป็นธรรมชาติ
กระเบื้องแกรนิตโต้ ซึ่งที่จริงก็คือกระเบื้องพอร์ซเลนไม่เคลือบผิว โดยทั้งแผ่นผลิตจากตัวเนื้อวัสดุชนิดเดียวกันตลอดทั้งแผ่น ซึ่งก็คือหากเกิดการกระเทาะหรือตัดกระเบื้อง จะเห็นเนื้อด้านข้างเป็นสีเดียวกับผิวกระเบื้อง อัตราการซึมน้ำต่ำ ความแกร่งสูง สามารถปูชิดกัน และคุณสมบัติอื่นๆ เหมือนกระเบื้องพอร์ซเลนทุกประการ
สำหรับกระเบื้องเซรามิกบางรุ่นจะกำหนดว่าให้ใช้ปูผนังเท่านั้น ไม่สามารถนำมาปูพื้นได้เนื่องจากความแข็งแรงต่ำ อัตราการซึมน้ำสูง และหรือมีผิวลื่นกว่ารุ่นปูพื้น (ทำความสะอาดง่าย แต่ลื่นเกินไปสำหรับพื้น)กระเบื้องพอร์ซเลนเคลือบผิว เป็นกระเบื้องที่เผาด้วยอุณหภูมิสูง อัตรากาซึมน้ำต่ำมาก แกร่งกว่าหินทั่วไป มีการเคลือบผิวเป็นลวดลายต่างๆ มีทั้งแบบตัดขอบเรียบให้มีขนาดเท่ากันทุกแผ่นและไม่ตัดขอบ และเมื่อรวมกับคุณสมบัติที่มีการยืดหดตัวน้อยจึงสามารถปูชิดกันได้เหมือนกับการปูหิน เมื่อปูเสร็จแล้วจึงสวยงามดูเหมือนปูด้วยแผ่นหินธรรมชาติ โดยมีข้อดีคือสามารถควบคุมสีสันให้เหมือนกันได้ดีกว่าหินธรรมชาติอีกด้วย แต่เนื่องจากทำมาจากดินที่ถูกรีดเป็นแผ่นแล้วค่อยเผา แล้วตัด แม้จะตัดได้ขนาดมาตรฐานแต่ตัวแผ่นยังคงมีการบิดตัวให้เห็นบ้าง การปูให้ได้สวยงามจึงต้องใช้ทักษะสูงทำให้ค่าแรงในการปูสูงตามไปด้วย(ยิ่งแผ่นใหญ่ยิ่งมีโอกาสบิดเยอะและยิ่งปูยาก) กระเบื้องพอร์ซเลนบางรุ่นจะมีการระบุทิศทางการปูให้มีทิศทางการบิดเหมือนกันเพื่อ ทำให้ลวงตาว่าเรียบเนียนเสมอกันไม่กระเดิด (แตกต่างจากหินที่เป็นก้อนแข็งแล้วค่อยตัดเป็นแผ่นจะไม่มีการบิด) นอกจากนั้นยังมีกระเบื้องที่ผลิตจากวัสดุอื่นๆ ตามความสร้างสรรค์ เช่นกระเบื้องโมเสกแก้ว ฯลฯ เมื่อทราบเรื่องชนิดของเนื้อกระเบื้องข้างต้นเราก็จะสามารถเลือกกระเบื้องได้เหมาะสมกับตำแหน่งและรูปแบบการใช้งาน